วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

MILESTONE

 ถ้าเปรียบ "ชีวิต เป็น ถนนสายหนึ่ง "

เราคงเปรียบ"จุดหมายปลายทาง คือ เป้าหมายในชีวิต " ได้นะ


บนถนนแต่ละสายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะถนนสายหลัก เราจะเห็น MILESTONE หรือ หลักกิโล นี่แหละ

ครับ อยู่ข้างทางเป็นระยะ ๆ เท่าๆกัน เพื่อให้เรารู้ว่า อีกใกล้หรือไกลแค่ไหน จะถึงที่หมาย ที่เราตั้งใจไว้ 

จริงๆแล้ว " MILESTONE" มีหลากหลายความหมายอยู่นะครับ แล้วแต่ว่าเรา อยากจะแปลให้เท่แค่ไหน

หากแปลว่า " เหตุการณ์สำคัญของคนหรือประวัติศาสตร์" ก็ดูเป็นเรื่อง เป็นราว ดูสำคัญเลยทีเดียว

หรือแปลว่า "จุดสำคัญของชีวิต,ช่วงยิ่งใหญ่ของชีวิต" ก็ได้นะครับ ดูเข้าท่า น่าพูดถึงดีเหมือนกัน 

อ้าว แล้ว " MILESTONE " ของ ถนนชีวิตเรา ล่ะ จะแปลว่า อะไรดี ??? 

ผมขอเปรียบเทียบแบบง่ายๆ ฟลอร์ ฟลอร์ พื้นๆ :)  เลยนะครับ ว่า  MILESTONE  บนถนนชีวิตของเราๆ

ท่านๆ ก็คือ ระยะเวลาในแต่ละปีที่เราใช้เดินทาง บนถนนสายชีวิตของเรา 


เวลาแต่ละปีที่ผ่านไป อาจจะทำให้เรา ทั้งใกล้และไกลจากเป้าหมายของเรา

หรืออาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยก็ได้ 

(ไกลเท่าเดิม แต่ส่วนใหญ่ ไกลกว่าเดิม) 


มันขึ้นอยู่กับว่า ในช่วงระหว่าง MILESTONE ที่ผ่านมา และ กำลังจะผ่านไป 

คุณมุ่งมั่นแค่ไหน !!! 

คุณพยายามแค่ไหน !!! 

คุณฝ่าฟันอุปสรรคได้มากน้อยแค่ไหน !!! 

คุณลุกขึ้นได้เร็วแค่ไหน....เมื่อคุณล้ม หรือ คุณมัวแต่นั่งคลุกฝุ่น สงสารตัวเองอยู่ แล้วก็ล้มตัวลงนอน
หมดแรง (ใจ)  อยู่ตรงนั้น 

เป้าหมาย หรือ จุดหมายของแต่ละคน ยาก ง่าย ใกล้ ไกล ไม่เท่ากันครับ 

บางคนอาจจะ แค่อยากไปใกล้ๆ ค่อยๆเดิน ใครจะรีบ จะร้อนยังไง ฉันก็ไปของฉันเรื่อยๆ

ขอเดินทางเรียบๆ ไม่ต้องออกแรงเยอะ ชมวิว ในระดับ สายตา มุมมองแคบๆ แค่นี้ ฉันก็ สุขใจ 


แต่บางคน เป้าหมายไม่ง่าย แบบว่าฉันอยากไปยืนที่ยอดเขา ฉันจะไปแตะขอบฟ้า 
ฉันจะมองลงมายังพื้นดิน (คุ้นๆ แหะ) 

ถ้ามีเป้าหมายแบบนี้ ต้องใจสู้หน่อยครับ ทางขึ้นเขา ชันทุกลูก มีทั้งโขดหิน หน้าผา พลาดพลั้งมา อาจจะมีบาดเจ็บกันได้

แต่ถ้าคุณได้ไปถึงเป้าหมายที่คุณตั้งใจแล้ว ได้ยืนอยู่บนยอดเขา คุณจะได้สัมผัส อากาศที่เย็นสบาย คุณจะมีแต่ความโล่ง โปร่ง ได้เห็นวิวแบบ Bird Eye View ไกลสุดขอบฟ้า แล้วคุณจะนึกขอบคุณ ตัวเองที่ อดทน มุ่งมั่น มาจนถึงจุดหมายได้ 

เรากำลังจะผ่าน MILESTONE"  2014 กันแล้วนะ อย่าแค่ให้มันผ่านไปเปล่าๆ ก่อนจะก้าวไปถึง  

MILESTONE" 2015 ลองดูนะครับว่า ที่ผ่านมา 


- เราทำอะไรดีแล้ว ให้ขอบคุณตัวเอง แล้ว ทำมันต่อไป 

- เราทำอะไรผิดพลาดบ้าง แล้วเก็บไว้เป็นบทเรียน อย่าทำอีก

- เราตั้งใจจะทำอะไร แล้วยังไม่ได้ทำ จงทำมันซะ JUST DO IT !!!!  


ถนนชีวิตของเรา เราสร้าง เราเลือกมันเองนะครับ อย่าลืม ทำให้เต็มที่แล้ว สักวันเราจะไปถึงจุดหมายปลายทางที่เราหวังไว้ 


HAPPY MILESTONE"  2015 






วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รัก

รัก


คำง่ายๆ ที่ใครๆ ก็พูดได้ 
คำง่ายๆ ที่ใครๆ ก็อยากได้ยิน 
คำง่ายๆ ที่มีอานุภาพ มากมายจนไม่สามารถบรรยาย ออกมาเป็นคำพูดได้อย่างชัดเจน ครบถ้วน
คำง่ายๆ ที่มีความหมาย มีค่ามากกว่า ทรัพย์สิน เงินทอง 
คำง่ายๆ ที่ใช้ได้กับทุกๆ คนรอบข้างเรา 
คำง่ายๆ ที่บางครั้งเราลืมที่จะใช้กับคนรอบๆข้าง 
คำง่ายๆ ที่บางครั้งเราก็ไม่กล้าที่จะพูด หรือ แม้เพียงแค่จะแสดงออกมา

ผมโชคดีมากๆ ที่เกิดมาในครอบครัวที่ ป๋าและแม่ 
สอนให้บอก "รัก" 
สอนให้กอด
โดยเริ่มจากท่านทั้งสองจะแสดงให้พวกเราเห็น 
บอก"รัก"พวกเรา 
กอดพวกลูกๆทั้งสี่คนบ่อยๆ 
ถึงแม้ว่าป๋าและแม่จะไปอยู่บนฟ้าแล้ว 
สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้จางหายไปจากพวกเราเลย 
แถมพวกหลานๆ ก็รับสิ่งเหล่านี้ไปเต็มๆ

ครอบครัวเราจะกอดกันทุกครั้งที่เจอกัน 
กอดกันทุกครั้งก่อนจากกัน 
และบอก"รัก"กันบ่อยๆ ทั้งทางไลน์ ทางโทรศัพท์ 

สิ่งเหล่าทำให้พวกเรามีพลัง 
มีกำลังใจต่อสู้ทุกอุปสรรค 
ทำให้เราคิดถึงกันตลอดเวลา 
เพราะพวกเรารู้ว่าเรายังมีคนที่รักเราอยู่

คงเพราะแบบนี้มั้งที่ทำให้ 
ผมไม่อายที่จะบอก "รัก" คนรอบๆข้าง 
ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนๆ หรือแม้แต่คนที่ผมร่วมงานด้วยทุกๆที่ 
โดยเฉพาะ พี่ๆน้องๆที่ทำงานด้วยกัน เพราะผมอยากให้พวกเค้ารู้ว่า 
ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยถ้าไม่มีพวกเค้า 
บางครั้งคำขอบคุณ มันอาจจะดูน้อยเกินไป 
คือแบบว่า มันแทนความรู้สึกของผมที่มีต่อพวกเค้าไม่ได้ จริงๆ 

สิ่งที่ได้กลับมา....จริงๆแล้ว ผมไม่เคยหวังนะ เคยอยากบอกให้พวกเค้ารู้ 

ลองดูนะครับ ลองบอกคนข้างๆคุณว่า คุณ"รัก เค้า
 รับรองได้ คุณจะได้กลับมาแบบ คาดไม่ถึงเลยที่เดียว 


                  

วันนี้คุณบอก"รัก" คนข้างๆ คุณหรือยังครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ความสุขที่ได้ทำ



ความสุขที่ได้ทำ


วันนี้ได้มีโอกาส ทานข้าวเย็นกับ Blogger คนหนี่ง

คุณป้า Annika เป็นคนสวีเดนที่มาอยู่ที่ ห้วยยาง ตั้งแต่ปี  2006

เธอเริ่มเขียน blog ตอนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ เพราะอยากจะถ่ายทอดและบันทึก ประสบการณ์ของเธอที่นี่

เธอบอกว่าเหมือนเขียน ไดอะรี่ ให้คนที่บ้านเธออ่าน ผ่านมา 8 ปี 

มีคนติดตามคุณป้าแค่ หลักหมื่น เอง

สิ่งที่เธอเขียนก็เป็นเรื่องประจำวัน ปั่นจักยานเจออะไรก็เอามาเขียน  เช่น ไปไหนมา, 

ทานข้าวอะไร,

อากาศเป็นยังไง, ผู้คนที่แกเจอ , ดอกไม้ ใบหญ้าริมทาง , หมาแมวที่บ้าน 

เรียกว่า อยากเขียนอะไรเก็บไว้อ่านเองก็เขียน แล้วแบ่งความรู้สึกของ

เธอให้คนที่ติดตามได้รับรู้ด้วย

เธอบอกว่ามันคือ “ ความสุขที่ได้ทำ” ไม่ได้คิดว่า คนจะชอบหรือไม่ แค่สุขใจที่ได้ บอก

คนอื่นว่า มีความสุขยังไง

เลยถามเธอว่า เขียนทุกวันเลยเหรอ ไม่คิดว่ามันเป็นภาระเหรอครับ ที่ต้องเขียนให้คนติดตามอ่านทุกวัน ??

เธอบอกว่าใช่ "ฉันเขียนทุกวัน ก็อยากมี ความสุข ทุกวันนี่จ๊ะ ไม่ได้เป็นภาระเลย" 

เราถามต่อ “ แล้วเวลามีคนมา Comment ในทางที่ไม่ดี รู้สึกแย่มั่งป่าวครับ

คุณป้า Annika บอกว่า “ ถ้าคุณทำอะไรแล้วมีความสุข และถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนอาจจะมีคนชอบมาก ชอบน้อย หรือไม่ชอบเลย มันก็ช่วยไม่ได้

 “ คุณทำให้ทุกคนชอบคุณ ทุกคนไม่ได้หรอก”  

มันสำคัญที่ คุณมีความสุขที่ได้ทำหรือป่าว ต่างหาก จริงที่สุด  (ผมนี่ตาสว่างเลย J )



คนที่โชคดีมากหน่อย ได้ทำงานที่ตัวเองรัก จะไม่รู้สึกเลยว่ากำลังทำงาน  
มีความสุขกับทุกๆวันที่ได้ทำ

คนที่โชคดีน้อยหน่อย ( แบบว่ายังดีที่มีงานทำ)  ไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก ก็คงต้องมองหา มุมที่ดีของงานที่ทำอยู่

อาจยังไม่เจอ พยายามหานะครับ มันต้องมีสิน่า แต่ถ้าพยายามที่สุดแล้วก็ยังไม่เจอ แนะนำให้หา งานใหม่ไปเลย J

เมื่อคุณได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก = คุณไม่ต้องทำงานแล้วเพราะสิ่งนั้นคือชีวิตของคุณ “

ขอให้ทุกคนเจอชีวิตของตัวเอง เหมือนที่ผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ กันทุกคนนะครับ 


   


วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฝันกลางวัน !!!


ฝันกลางวัน (Day Dreaming)


ใครว่าฝันกลางวันเป็นเรื่องไร้สาระ  ขึ้นชื่อว่า “ ความฝัน “ ไม่ว่าจะฝันตอนไหน ก็ดีทั้งนั้นแหล่ะครับ จริงไหม ??

แต่ผมว่า “ ฝันกลางวัน” นี่สิครับ ดีกว่า “ ฝันกลางคืน” ทำไมน่ะเหรอครับ

คุณฝันกลางคืนกัน ตอนไหน ? แน่นอน ก็ตอนหลับน่ะสิ (ถามมาได้) 

แล้วคุณทำอะไรกับความฝันนั้นได้ไหมครับ  นอกจากจะทำอะไรไม่ได้ ยังจำไม่ค่อยได้ซะด้วย (เอาไปตีเป็นตัวเลขก็โดนรับประทานอยู่ บ่อยๆ ฮา.....)

แต่ถ้าคุณ “ฝันกลางวัน” อย่างตั้งใจ และมุ่งมั่นพอ “ฝันกลางวัน” ตอนลืมตาอยู่นี่แหล่ะครับ จะเป็นจริงได้

ความฝันเป็นพลังขับเคลื่อนทุกอย่างในโลกใบนี้

ถ้าคุณไม่มีฝัน ชีวิตก็เหมือน ออกเรือโดยไม่มีจุดหมาย รอวันล่มอย่างเดียว

มีความฝัน นั้นไม่ยากครับ แต่ทำให้เป็นจริง นั่นสิครับ ต้องลงมือ ลงแรง( กาย & สมอง) กันหน่อย

จะว่ายากมาก ก็คงไม่จริงเท่าไหร่นะครับ เพราะก็มีหลายๆ คน รวมทั้งตัวคุณด้วย  คงได้สัมผัสความรู้สึก “ ฝันที่เป็นจริง” กันมาไม่มากก็น้อย จริงไหมครับ

ความฝันจะเปลี่ยนเป็นจริงได้ ด้วย 3 ขั้นตอน ง่ายๆ แค่นี้เองครับ
1.    เปลี่ยน” ฝันกลางวัน” ให้เป็น เป้าหมายที่ชัดเจน
2.    วางแผน และ ลงมือทำ
3.    มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ ไม่หวั่นไหว  และ ทำต่อไป


  สักวัน”ฝันกลางวัน”ของคุณจะเป็นจริง !!!


วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เป้ความทรงจำ

เป้ความทรงจำ


ถ้าเราลองสมมุติว่า ที่เก็บความทรงจำของเราคือ เป้ ใบหนึ่ง ซึ่งเราต้องสะพายไปด้วยตลอดเวลา

เป้ ใบนี้เป็น เป้ พิเศษซึ่งสามารถบรรจุ ความทรงจำได้ไม่จำกัด ขนาดของมันจะขยายใหญ่หรือเล็กได้ตาม ปริมาณความทรงจำ

ความทรงจำก็มีน้ำหนักด้วยนะ วัดเป็น 1 หน่วย ต่อ 1 ความทรงจำ

ลองนึกๆดูตั้งแต่เด็กจนโต เรามีความทรงจำมากขนาดไหน ถ้าเราจำทุกความทรงจำได้ เป้ ของเราคงใหญ่ เบ้อเร้อ

ถ้า เป้ ความทรงจำของเราใหญ่ มหึมาขนาดนั้น เต็มไปด้วย หน่วยความทรงจำตั้งแต่เด็กจนโต เป้ คงตุงจนลากไปกับพื้น

เดินไปไหนมาไหนก็คงลำบากน่าดู

ด้วยเหตุนี้กระมัง ความทรงจำวัยเด็กของเราก็เลย ค่อยๆหายไป เพื่อที่ขนาดของ เป้ จะได้ไม่เทอะทะ จนเดินไปข้างหน้าลำบาก

แล้วเราอยากจะเดินไปข้างหน้าแบบคล่องตัวสุดๆ ไหมหล่ะ ?????  ถ้าอยาก....................................... ลองมาคัดเลือกความทรงจำใน เป้ กันดีไหมครับ

ถ้าอยากตัวเบาเดินสบาย เวลาเหนื่อยก็มีความทรงจำดีๆในเป้ ให้หยิบขึ้นมาดูให้ชื่นใจ แล้วเดินต่อ ก็เลือกเก็บแต่ความทรงจำที่ดีไว้นะครับ

แน่นอนไอ้ความทรงจำที่ไม่ดีนี่ก็ทิ้งยากเกิ๊น อยากจะทิ้งแต่ก็ตัดใจลืม ตัดใจทิ้งไม่ได้
ไม่เป็นไรครับ เก็บไว้บ้างก็ได้ จะได้เอาไว้เตือนใจ ว่าทีหลังอย่าทำอีก ทีหลังอย่าทำ ทีหลังอย่าทำ จำไว้ จำไว้

ส่วนอันไหนดูๆแล้วไม่มีประโยชน์กับชีวิตก็ทิ้งๆมันไปซะบ้าง จะได้ไม่หนัก เป้
J จงเลือกเก็บแต่ความทรงจำดีๆในชีวิตให้มากที่สุด ลดขนาดและน้ำหนักของ เป้ โดยการทิ้งความทรงจำแย่ๆออกไปบ้าง เป้ของเราจะได้ไม่หนักมาก แล้วยังมีที่ว่างไว้ใส่ความทรงจำดีๆ ในอนาคตได้อีก J